พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ส่งผลกระทบต่อสายตา

การจัดการกับความบกพร่องทางสายตาเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญทั่วโลก และในขณะที่ปัจจัยหลายประการมีส่วนรับผิดชอบต่อการบกพร่องในการมองเห็น รวมทั้งอายุ พันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม  พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน มีข้อบ่งชี้ว่าสิ่งที่บุคคลคนหนึ่งทำประจำวันอาจส่งผลต่อการมองเห็นของบุคคลและพัฒนาไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที

ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2564 มีผู้คนประมาณ 2.2 พันล้านคนทั่วโลกที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นในระยะใกล้หรือไกล  การจัดการกับความบกพร่องทางสายตาเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญทั่วโลก และในขณะที่ปัจจัยหลายประการมีผลต่อการบกพร่องในการมองเห็น  รวมทั้งอายุ พันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม  พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน มีข้อบ่งชี้ว่าพฤติกรรมประจำวันอาจส่งผลต่อการมองเห็นของบุคคลและพัฒนาไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที

นิสัยเหล่านี้คืออะไร?

เล่นมือถือตอนกลางคืนในที่แสงน้อย

เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป: การทำงานเป็นเวลานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนคอมพิวเตอร์กลายเป็นเรื่องจริงสำหรับผู้คนจำนวนมากทั่วโลก การระบาดใหญ่ของโรคโควิด19 และวัฒนธรรมการทำงานจากที่บ้านทำให้ผู้คนต้องทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานทุกวัน วิถีชีวิตเช่นนี้ย่อมทำให้ดวงตาของคุณเมื่อยล้าอย่างมากและนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากไม่ได้รับการตรวจเช็คอย่างเหมาะสม ภาวะที่มักเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้คือ “สายตาเอียง” หรือกลุ่มอาการคอมพิวเตอร์วิชัน  เทคนิค 20-20-20 เป็นวิธีง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพในการหยุดพักบ่อย ๆ เพื่อลดความเครียดของคุณเนื่องจากการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเป็นเวลานาน  เทคนิค 20-20-20 คือใช้เวลาอย่างน้อย 20 วินาทีทุกๆ 20 นาทีในการมองบางสิ่งที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต

การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพตา: การทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3, สังกะสี, วิตามินซีและอี และผักใบเขียวเข้ม ถั่ว ไข่ ส้ม และอาหารทะเลสามารถช่วยรักษาสุขภาพตาได้

พักผ่อนไม่เพียงพอ การอดนอน โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นเป็นประจำสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้มากมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง น้ำหนักขึ้น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง อารมณ์แปรปรวน และปัญหาด้านความจำ ยังส่งผลต่อสุขภาพดวงตาของเราอย่างมากอีกด้วย การพักผ่อนไม่เพียงพออาจแสดงออกมาในดวงตา เช่นแดงก่ำ ตาคล้ำ ตาพร่ามัว ตาแห้ง และอาการอื่นๆ จากการวิจัยพบว่าดวงตาต้องการการนอนหลับที่ดีประมาณ 7 ถึง 9 ชั่วโมงทุกวันเพื่อเติมพลังงานให้ตัวเองและทำงานได้ดี

การขยี้ตาทั้งวันอาจทำให้สายตาเสียได้ การขยี้ตาอาจทำให้เส้นเลือดที่อยู่ใต้เปลือกตาแตกได้ เมื่อดวงตาระคายเคือง แทนที่จะขยี้ตา ให้ลองประคบด้วยผ้าเย็นแทน

การไม่สวมแว่นกันแดดอาจส่งผลเสียต่อดวงตาของคุณได้เช่นกัน ดวงตาของเรามีความเสี่ยงต่อรังสีอัลตราไวโอเลตและสภาพอากาศ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพการมองเห็นของเราในหลายๆ ด้าน การสวมแว่นกันแดดที่เหมาะสมเป็นประจำสามารถป้องกันการพัฒนาของจอประสาทตาเสื่อมหรือต้อกระจกได้ ยิ่งไปกว่านั้น แว่นกันแดดยังช่วยป้องกันอาการตาแห้งด้วยการช่วยบังลมและฝุ่นที่ขะมาเข้าตาของคุณ

ขาดน้ำ  น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายในการช่วยรักษาความชุ่มชื้น ดวงตาของเราอาศัยน้ำเพื่อช่วยให้มันหล่อลื่นในรูปของน้ำตา  เป็นเรื่องปกติที่ฝุ่น สิ่งสกปรก และเศษผงอื่นๆ ในอากาศจะแอบเข้าตาเรา หากไม่มีความชื้น อาจเกิดอาการตาแห้ง แดง หรือบวมได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะรักษาความชุ่มชื้นโดยการบริโภคน้ำในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน

นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำยังจำเป็นสำหรับการตรวจหาและรักษาโรคทางสายตาอย่างทันท่วงที

ทนงศักดิ์ od.

รูปภาพจาก pexels.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *