การป้องกันอันตรายจากรังสี UV

โดยทั่วไปนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความสวยงาม  และทางด้านผิวพรรณมักจะเตือนให้ระวังผิวจะหมองคล้ำเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง เนื่องจากแดดเผาและเมื่อต้องถูกแสงแดดเป็นเวลานานก็เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน
ดวงอาทิตย์เป็นตัวช่วยให้เกิดสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้, แต่สิ่งมีชีวิตก็ได้รับรังสีต่างๆที่เป็นอันตรายด้วย สิ่งที่เป็นอันตรายที่ดวงอาทิตย์แผ่ออกมาก็คือ รังสี Ultraviolet (UV) radiation รังสี UV คือส่วนหนึ่งของรังสีที่แผ่ออกมา แต่สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่เราสร้างขึ้นมาก็สามารถเป็นต้นกำเนิดของรังสี UV ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น เครื่องเชื่อมไฟฟ้า เครื่องอาบแดดเพื่อให้ร่างกายมีสีแทน  เครื่องสร้างแสง UV ใช้ฆ่าเชื้อโรคในเครื่่องกรองน้ำ และเครื่อง เลเซอร์ ฯลฯ

อันตรายจากรังสี UV

ภาพจาก en.wikipedia
UV radiation สามารถเกิดจากเครื่องอาร์คไฟฟ้า ช่างเชื่อมควรใส่หน้ากากป้องกันตา และใส่ชุดป้องกันผิวเพื่อป้องกัน อาการ photokeratitis และ sunburn
ภาพจาก en.wikipedia
ผิวหนังที่เกิด sunburn หรือ โดนแดดเผา
ผิวหนังส่วนที่ไม่โดนแดดเผาเกิดเป็นรอยชุดว่ายน้ำ

คนส่วนมากจะสนใจป้องกันแค่ผิวกายของตนเองโดยใช้ครีมกันแดด แต่ละเลยหรือไม่ตระหนักถึง  การป้องกันอันตรายจากรังสี UV  ที่มีต่อสายตาและมีผลกระทบต่อการมองเห็น มีคนจำนวนมากยังเข้าใจผิดว่ารังสี UV เป็นแสงที่มองเห็นได้แต่ตามความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถมองเห็นรังสีเหล่านี้ได้

นักวิทยาศาสตร์จำแนกรังสี UV ออกเป็นสามประเภท
1. UV-C  เป็นรังสีที่มีพลังงานสูงและเป็นอันตรายต่อดวงตาและผิวหนังมากที่สุด  แต่โชคดีที่เรามีบรรยากาศชั้น  atmosphere’s ozone layer   หรือชั้น โอโซนในบรรยากาศ ดูดซับเอาไว้ จึงไม่สามารถผ่านมาทำอันตรายเราได้ ที่ผ่านมาได้ก็เป็นเพียงส่วนน้อย  UV-C มีช่วงความยาวคลื่น  100-280 นาโนเมตร nm.
2.UV-B  มีช่วงความยาวคลื่น  280-315 นาโนเมตร  มีพลังงานน้อยกว่า UV-C ส่านหนึ่งถูกซับไว่้โดยชั้นโอโซน แต่ก็ยังคงมีเล็ดลอดลงมายังผิวโลกได้  รังสี UV-B นี้เป็นตัวทำ่ให้เม็ดสีที่ผิวหนังหรือที่เรียกว่า เมลานินเปลี่ยนแปลง  ดังนั้นผู้ที่ถูกแสงเดดเป็นเวลานานผิวจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล  แต่ถ้าได้รับแสงแดดจัดเป็นเวลานานจะเกิดอาการผิวไหม้และมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้ด้วย โดยเฉพาะในผู๋้ที่มีผิวขาวหรือคนยุโรป
3. UV-A  เป็นรังสีที่มีพลังงานน้อยกว่า UV-B ,UV-C  และเป็นคลื่นแสงที่อยู่ใกล้กับแถบคลื่นที่สามารถมองเห็นได้  z แต่เมื่อเราได้รับแสงในปริมาณมาก UV-A ที่อยู่ในแสงแดด สามารถผ่าน cornea มาสู่เลนส์ตาและเรตินา

จากการศึกษาและวิจัย การป้องกันอันตรายจากรังสี uv ของนักวิทยาศาสตร์  แสดง  ให้เห็นว่าเมื่อได้รับรังสี UV ในปริมาณเล็กน้อยแต่ได้รับต่อเนื่องเป็นแวลานานติดต่อกัน  หลายปี มีโอกาสที่จะเป็นต้อและสร้างความเสียหายต่อ retina รวมทั้งจอปราสาทตา  ด้วย  แสงที่มีคลื่นรังสีช่วงสั้น ( แสงสีน้ำเงินและแสงสีม่วง ) ก่อให้เกิดอันตรายต่อเรตินาได้เช่นกัน
ถ้าดวงตาของเรา ได้รับรังสี UV ในปริมาณมากในช่วงเวลาสั้นๆ ผลรับจะเหมือนกับการทดลองที่เรียกว่า photokeratitis ซึ่งเหมือนกับผิวหนังไหม้แต่จะเกิดที่ดวงตาแทน ทำให้เจ็บปวดลักษณะเหมือนตาแดง ตาจะเกิดอาการแพ้แสงอย่างรุนแรง น้ำตาจะไหลออกมามาก  แต่ยังดีที่อาการเช่นนี้จะเป็นอยู่แค่ชั่วครู่และไม่สร้างความเสียหายแก่ตาของเราอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม ถ้าเราโดนรังสี UV เป็นเวลานานจะเป็นอันครายมาก
จากงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์  แสดงให้เห็นว่าเมื่อได้รับรังสี UV ในปริมาณเล็กน้อยแต่ได้รับต่อเนื่องเป็นเวลานานติดต่อกันหลายปี  มีโอกาสที่จะเป็นต้อและสร้างความเสียหายต่อ retina รวมทั้งจอปราสาทตาด้วย  แสงที่มีคลื่นรังสีช่วงสั้น ( แสงสีน้ำเงินและแสงสีม่วง ) ก่อให้เกิดอันตรายต่อ เรตินาได้เช่นกัน ผลงานการวิจัยชิ้นใหม่พบว่า รังสีพลังงานสูงที่มองเห็นได้ high-energy visible (HEV) radiation  หรือที่เรียกว่า  ” แสงสีน้ำเงิน” จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด  macular degeneration  ผู้ที่มีระดับของวิตามิน c และสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ในส่วนของพลาสม่าต่ำจะมีความเสี่ยง จากแสงสีน้ำเงินที่จะสร้างความเสียหายให้กับจอประสาทตาได้สูง (retinal damage)

เวลาที่เราได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ยิ่งนานเท่าไร  โอกาสที่เราจะเป็นต้อหรือมีอาการที่เรียกว่า macular degeneration  ก็จะเพิ่มขึ้นตาม  แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าต้องได้รับปริมาณรังสีเท่าไรจึงจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากรังสี UV เราจึงแนะนำให้ทุกท่านสวมแว่นกันแดดทีมีคุณภาพและใช้หมวกที่มีปีกกว้างหรือหมวกแก๊ปเมื่อต้องใช้ชีวิตกลางแจ้ง  ไม่ควรมองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยๆมักจะไม่สนใจป้องกันตัวเองเท่าที่ควร อย่างแอดมินเองเมื่อก่อนก็ไม่ใส่ใจ  มาเริ่มใช้แว่นกันแดดอย่างจริงจังก็เมื่ออายุ 30 กว่าแล้วแต่ก็ไม่สายเกินไป เพราะคนรุ่นเดียวกับเรา เป็นต้อหรือตาเสี่อมไปหลายคนแล้ว แอดมินตายังแจ๋วอยู่เลยเพราะใช้แว่นกันแดดเป็นประจำจนติดเป็นนิสัยซะแล้ว

การป้องกันอันตรายจากรังสี  UV

เพื่อให้การป้องกันอันตรายจากรังสี uv เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  แว่นกันแดดที่ใช้ควรจะมีคุณสมบัติต่อไปนี้

สามารถป้องกันรังสี UV-A และ UV-B ได้ 99-100 %

ดูดซับแสงสีน้ำเงินได้ 75- 90 %

ใช้เลนส์สีเทา ทำให้การมองเห็นสีไม่ผิดเพี้ยน

เมื่อคุณทำงานที่อันตรายหรือเล่นกีฬา เลนส์ของแว่นกันแดดที่ใช้ควรผลิตจาก วัสดุ  polycarbonate or Trivex®  เลนส์ชนิดนี้จะทนต่อแรงกระแทกได้ดีมาก แต่ถ้าท่านใช้แว่นสายตาซึ่งปกติแล้วไม่สามารถกันแดดได้อยู่แล้ว  ท่านควรจะใช้ที่กันแดดสวมทับแว่นสายตาของท่าน หรือที่เรียกว่า “คลิปออน” เพื่อปกป้องดวงตาของท่านจากรังสี UV และแสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตรายต่อดวงตา   ทาง lovelyglasses  มีบริการเคลือบสีเลนส์สายตาเพื่อป้องกันรังสี UV  สีที่เราใช้เป็นสี มาตรฐานจาก เยอรมัน สามารถป้องกัน UV ได้ 100% หรือหากท่านต้องการ  เลนส์ปรับแสงอัตโนมัติ  photochromic เราก็มีไว้บริการท่านเช่นกัน

เมื่อต้องอยู่กลางแดดจ้าเป็นเวลานานๆ การป้องกันอันตรายจากรังสี uv ควรสวมหน้ากากคลุมใบหน้าและสวมแว่นกันแดดทับอีกที  เพื่อป้องกันใบหน้าไหม้จากแดดเผา อย่าละเลยเด็กเล็กและเด็กโต  เพราะพวกเขาชอบอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ มากกว่าผู้ใหญ่ ไปพบหมอหรือนักทัศนมาตร อย่างน้อยสองปีต่อหนึ่งครั้ง เพื่อรับการตรวจตา เพื่อสุขภาพตาและการมองเห็นที่ดีจะคงอยู่กับท่านตลอดไป

อ้างอิงจาก

http://ergoldbook.blogspot.com/

http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed

https://en.wikipedia.org/wiki/UV_marker

http://www.freehdwall.com/ thank for your picture.

http://nothingnerdy.wikispaces.com/THE+ELECTROMAGNETIC+SPECTRUM

1 ความเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *