ขณะมีชีวิตอยู่ ไรฝุ่นจะขับถ่ายมูล (ของเสีย) ออกมาปะปนในฝุ่นบ้านประมาณวันละ 20 เม็ด แต่ละเม็ดมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 ไมครอน และ มูลของมันนี่เองที่เป็นต้นเหตุของภูมิแพ้ในมนุษย์
มูลของไรฝุ่นแตกสลาย กลายเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญเพราะว่า มันมีน้ำหนักค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ จึงตกอยู่ตามพื้นบ้าน ตามที่นอน หมอน ผ้าห่ม เบาะที่นั่งในบ้าน เมื่อถูกกระแสลมพัด เช่น ใช้เครื่องดูดฝุ่น ลมพัด เคลื่อนย้ายสิ่งของ สะบัดผ้าปูที่นอน สลัดผ้าห่ม สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น ก็จะปลิวกระจายในอากาศ และกระจายอยู่นานถึง 30 นาที ทำให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นเกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ ไรฝุ่นยังอาจติดอยู่ตามเส้นผม ตามเสื้อผ้า โดยเฉพาะผ้าขนสัตว์และผ้ากำมะหยี่ พบว่ามีไรฝุ่นปนเปื้อนบ่อยๆ
เราพบเห็นกันเสมอๆว่า คนแพ้ไรฝุ่นจะเกิดอาการจาม ไอ และ คันตา ทุกครั้งที่ดูดฝุ่นห้อง กว่าอาการจะหมดไป ก็ใช้เวลานานหลายชั่วโมง เพราะเราทำให้สารก่อภูมิแพ้ของไรฝุ่นกระจายนั่นเอง
นอกจากนี้ เวลาอยู่บนเตียงนอน เรามีโอกาสสูดหายใจเอาสารก่อภูมิแพ้ของไรฝุ่นจากหมอน ที่นอน และผ้าห่ม เข้าสู่ปอด เพราะเราขยับตัวบนที่นอนบ่อยๆยิ่งนอนดิ้นไปมามาก สารก่อภูมิแพ้ของไรฝุ่นบนเตียงก็ยิ่งกระจายมาก
มูลของไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นเอมไซม์จากลำไส้ของมัน เป็นตัวการทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โดยการหายใจเข้าทางจมูกและหลอดลม ทำให้เกิดอาการแพ้ของจมูก หอบหืด คันตา
บางคนหายใจเข้าปอด แต่ปรากฏอาการแพ้ทางผิวหนัง เป็นลมพิษหรือผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ บางคนผิวหนังถูกขีดข่วนจากการเกา สารก่อภูมิแพ้ของไรฝุ่นอาจเข้าไปทางผิวหนังโดยตรงก็ได้
อ้างอิงจากหนังสือ โรคภูมิแพ้
รูปภาพจาก
http://www.icleanbed.com/wp-content/uploads/2019/05/batch_shutterstock_705004327.jpg
clean-aqua.netimagesmite1
http://www.rutnin.com/upload/picture/l-img-2dd796a41e5de222849fca4595911404.jpg
ต้องทำความสะอาดที่นอนบ่อยๆแล้ว
เพิ่งรู้ว่านอนดมขี้ไรฝุ่นทุกวัน